นอกจากน้ำจะให้ความรู้สึกชุ่มชื่นแล้ว ยังช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายได้อีกด้วย และยิ่งเป็นผืนน้ำที่ทอดกว้างออกไปจนสุดลูกหูลูกตาอย่างน้ำทะเล ก็จะยิ่งรู้สึกสงบและผ่อนคลายได้มากขึ้นไปอีก ทั้งนี้ก็เพราะว่า ตามทฤษฎี “Blue Mind” เมื่อเราอยู่ใกล้กับน้ำ ไม่ว่าจะอยู่บนน้ำ อยู่ในน้ำ หรืออยู่ใต้น้ำ สมองจะสร้างสารโดปามีน เซโรโทนิน และออกซิโทซิน ซึ่งที่มีอิทธิพลต่อการทำงานของสมอง ทำให้จิตใจสงบ คลายเครียด และช่วยลดระดับคอร์ติซอล หรือฮอร์โมนแห่งความเครียด
ทะเลกับแสงแดดเป็นสิ่งที่คู่กัน แสงแดดที่ส่องกระทบผิวหนังของเรา จะกระตุ้นให้ร่างกายผลิตวิตามิน D และสารเซโรโทนิน หรือสารเคมีแห่งความสุขออกมาในสมอง ทำให้เราผ่อนคลาย และรู้สึกดี จากการศึกษาพบว่า สมองจะหลั่งสารเซโรโทนินออกมาในวันที่มีแสงแดดมากกว่าวันที่มีฟ้าครึ้มมหาวิทยาลัยแพทย์แห่งเวียนนา ประเทศออสเตรีย ได้เปิดเผยว่า แสงแดดสามารถทำให้คนล้มเลิกความคิดที่จะฆ่าตัวตายได้ หากรู้ตัวตั้งแต่เนิ่น และออกไปข้างนอกให้ร่างกายได้รับแสงแดดเป็นประจำ
การได้มองเห็นที่โล่ง ๆ สีฟ้า ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายนั้นเป็นเรื่องจริง ไม่เชื่อลองแหงนมองท้องฟ้าดูสิ เช่นเดียวกันกับท้องทะเลที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาจากการศึกษาประชากรในเมืองเวลลิงตัน นิวซีแลนด์ พบว่า ยิ่งได้เห็น หรืออยู่ที่โล่งสีฟ้า (blue space) มากเท่าไหร่ ก็จะมีสุขภาพจิตที่ดีมากเท่านั้น นอกจากนี้จากการสำรวจยังพบว่า คนส่วนใหญ่ทั้งหญิงและชาย ชื่นชอบสีฟ้าหรือสีน้ำเงินมากกว่าสีอื่น ๆ อีกด้วย
ประจุไฟฟ้าลบจะมีอยู่มากในอากาศบริเวณ เช่น ในป่าที่ชุ่มชื้น น้ำตก รวมถึงชายฝั่งทะเลด้วย เมื่อประจุไฟฟ้าลบที่อยู่ในกลิ่นไอจากท้องทะเล แทรกซึมเข้าสู่กระแสเลือด จะไปกระตุ้นให้สมองหลั่งสารเซโรโทนิน ทำให้เรารู้สึกสงบและผ่อนคลาย สดชื่น และกระปรี้กระเปร่า
เสียงของคลื่นที่กระทบฝั่งเป็นเสียงที่ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย เพราะเป็นเสียงที่มีรูปแบบที่คาดเดาได้ เป็นเสียงเบา ๆ ที่มีโทนเสียงปานกลางถึงต่ำ นอกจากนี้เสียงของทะเลให้ความรู้สึกที่ปลอดภัย บางคนก็บอกว่าเสียงคลื่นทะเลทำให้รู้สึกเหมือนตอนอยู่ในท้องแม่เลยทีเดียวขอบคุณข้อมูลจาก: inc-asean, visitcurrituck, solarishotelsresort
Dec 4 , 2020
Dec 1 , 2020
Nov 30 , 2020